วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แนวปฏิบัติของเทศกาลพ้อต่อ

         ในช่วงเทศกาล ผู้คนจะจัดโต๊ะตั้งสำรับอาหารเพื่อเซ่นไหว้ บูชาวิญญาณบรรพบุรุษเอาไว้ โดยทั่วไปแล้วจะทำกันในตอนบ่ายของวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน อาหารเซ่นไหว้โดยมาก มักประกอบไปด้วย ปลา หมู เป็ด ไก่ ผัก ผลไม้ และขนมต่าง ๆ ซึ่งข้าวของที่ตั้งบนโต๊ะบูชาทุกอย่าง จะต้องมีธูปปักไว้อย่างละ 1 เล่ม จนเมื่อทำการเซ่นไหว้เสร็จแล้ว ก็จะทำการเผากระดาษเงิน อันหมายถึงการแจกจ่ายค่าเดินทาง ให้แก่เหล่าดวงวิญญาณบรรพบุรุษเหล่านั้นด้วย โดยมักมีขนมรูปเต่าสีแดง เรียกว่า อั่งกู รวมอยู่ด้วยแทบทุกครั้งของการทำบุญส่วนการทำบุญแก่วิญญาณไร้ญาติ ผู้คนจะนำอาหารมาตั้งไว้ให้แก่วิญญาณเหล่านั้นที่โต๊ะซึ่งคณะกรรมการจัดงานเตรียมไว้ให้
ไหว้วิญญานเร่ร่อน
        มีชื่อเรียกในภาษาฮกเกี้ยนว่า "ป้ายหมึงเข้า"จีน: 拜門口)หรือ "ป่ายโฮ่เฮียตี่" (จีน: 拜好兄弟) ซึ่งโฮ่เฮียตี่ แปลว่า พี่น้องที่ดีใช่เรียกบรรดาดวงวิญญาณไม่มีญาติ หลังจากไหว้ที่ศาลเจ้า หรือ สถานที่จัดงานเสร็จ ตามบ้าน หรือ ตามชุมชน จะนำอาหารกระดาษเงินกระดาษทองจำนวนมากที่จัดเตรียมไว้ มาจัดกองไว้บนโต๊ะหรือที่พื้นหน้าบ้านที่เตรียมไว้ช่วงเวลาไหว้คือตั้งแต่ตอนบ่าย ๆ ได้ถึงเวลา 3 ทุ่ม โดยการไหว้นั้นจะนำเอาปึกกระดาษเงินกระดาษทองวางไว้สี่มุมของโต๊ะ แล้วนำธูป 1 ดอก เทียน 2 เล่ม ปักลงปึกกระดาษทุกปึก และจะมีการจุดเทียน หรือ ตะเกียงหลาย ๆ ดวง อาหารทุกชนิดต้องปักธงที่มีการเขียนอักษรไว้ด้วย พอไหว้เสร็จจะนิยมเผ่ากระดาษกันหลังพระอาทิตย์ตก โดยนำกระดาษมากองรวมกันแล้วจุดไฟเผ่า ห้ามดับไฟจนกว่ากระดาษจะมอดดับไปเอง เนื่องจากการไหว้วิญญานเร่ร่อน ปัจจุบันมีการจัดร่วมในพิธีพ้อต่อตามศาลเจ้า หรือสถานที่จัดงานเพราะสะดวกไม่วุ่นวายแล้วไม่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์มากจึงไม่ค่อยได้พบเห็นการไหว้ผีไม่มีญาติตามบ้านเรือนเหมือนในอดีตนักนอกจากนี้ในช่วงเวลา 1เดือนที่ประตูผีเปิดออก ผู้คนจะรีบกลับมาอยู่ในบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง เคราะห์หามยามร้ายที่อาจเกิดขึ้น หากถูกดวงวิญญาณเหล่านั้น ชง (ทำให้เกิดสิ่งไม่ดี)
แต่ในปัจจุบัน เมื่อวัฒนธรรมหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป เรื่องความเชื่อที่จะอยู่กันภายในบ้านหลังพระอาทิตย์ตก ก็ค่อยๆ เสื่อมคลายลง คงไว้แต่การเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ และการทำทานแก่วิญญาณไร้ญาติ


การประดับด้วยโคมไฟ
        เทศกาลนี้เรียกอีกอย่าว่า เทศกาล ตงหงวน จะมีการประดับโคมไฟต่าง ๆ อย่างสวยงาม ตามท้องถนน บ้านเรือน ศาลเจ้า มีความเชื่อว่าเป้นส่องแสงสว่างให้แก่เหล่าวิญญาน ที่ขึ้นมาจากปรภพให้ได้เห็นแสงสว่าง ยิ่งสว่างเท่าไร ดวงวิญญานก็จะยิ่งมารับส่วนกุลศลได้มากขึ้น จึงทำให้สถานที่จัดงานเต้มไปด้วยสีแสงจากโคมไฟ
โคมแต่ละดวงและเขียนข้อความว่า (ตัวเต็ม: 普度陰光, ตัวย่อ: 普度阴光, พินอิน: Pǔ dù yīn guāng ผูตู้อินกวัง, ฮกเกี้ยน: พ้อต่อเย่งก่อง) (ตัวเต็ม: 慶讃中元, ตัวย่อ: 庆讃中元, พินอิน: Qìng zàn zhōng yuán ชิ่งจั้นจงเหฺยฺวียน, ฮกเกี้ยน: เค่งจั๋นตงหงวน ) (ตัวเต็ม: 超生普度, ตัวย่อ: 超生普度, พินอิน: Chāo shēng pǔ dù ชาวเซิงผูตู้, ฮกเกี้ยน: จ้าวเซ่งพ้อต่อ)
การเซ่นไหว้ด้วยอั่งกูโก้ย

        อั่งกูโก้ย (จีน: 紅龜糕 ตามศัพท์แปลว่า ขนมเต่าแดง) คือขนมที่มีลักษณะเป็นรูปเต่า ทำจากแป้งข้าวสาลี ผสมกับน้ำตาล ก่อนจะถูกปั้น หรืออัดเข้าแบบพิมพ์เป็นรูปเต่า แล้วทาสีแดงทั่วทั้งตัวเต่า อั่งกูมีขนาดหลากหลายทั้งเล็กทั้งใหญ่ ใช้เป็นของเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อว่า เต่า เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานที่กล่าวว่าเต่าเป็นสัตว์ที่ช่วยให้พระถังซำจั๋งสามารถเดินทางไปแสวงบุญที่เกาะลังกาได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าการทำบุญด้วยอั่งกูนี้ จะช่วยให้ผู้ทำบุญมีอายุยืนเหมือนเต่าอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://thiticgi.exteen.com/20100829/entry

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น