ประวัติความเป็นมา

เทศกาลพ้อต่อ เป็นเทศกาลของคนไทยเชื้อสายจีน โดยจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

สัญลักษณ์เทศกาลพ้อต่อ

สัญลักษณ์ของเทศกาลพ้อต่อ คือ ขนมเต่าแดง

สถานที่จัดจัดงาน

สถานที่จัดงานหลักที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต คือ ศาลเจ้าบางเหนียว

แนวปฏิบัติ

แนวปฏิบัติต่างๆของเทศกาลงานพ้อต่อ

ผู้จัดทำ

เว็บไซต์นี้เป็นส่วนของรายวิชาเทคโนโลยีการพัฒนาเว็บเพื่อการศึกษา อาจารย์ผู้สอนอาจาร์ดนัยศักดิ์ กาโร

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วีดีโอเทศกาลงานพ้อต่อ

วีดีโอตัวแรก เป็นวีดีโอแนะนำสถานที่จัดงานพ้อต่อ ที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต นั่นก็คือ ศาลเจ้าบางเหนียว


วีดีโอตัวที่สองเป็นวีดีโอแนะนำเทศกาลงานพ้อต่อในปีที่ผ่านมา โดยนักเรียนโรงเรียนภูเก็ตไทยหัว (ประศาสน์วิทยา)


ทางเว็บไซต์ก็ขอขอบคุณเจ้าของคลิปวีดีโอมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ภาพเทศกาลงานพ้อต่อ

คลิกที่ภาพ เพื่อดูรูปภาพขนาดใหญ่











ขอบคุณรูปภาพจาก http://events.phuketindex.com/showpic-por-tor-festival-2011-191-pic10-th.htm


สัญลักษณ์เทศกาลพ้อต่อ (ขนมเต่าแดง)

ขนมอังกู๊ (ขนมเต่าแดง)
ขนมอังกู๊ หรือ ขนมเต่า (มีการสะกดหลายแบบ; จีน: 紅龜粿; Âng-Ku-Kóe ขนมเต่าแดง) เป็นขนมของคนเชื้อสายจีน มีไส้ประกอบด้วยถั่วทอง น้ำตาล นิยมนำมาเป็นเครื่องบวงสรวงในพิธีต่าง ๆ หรือในงานรับขวัญเด็กเกิดใหม่ บางคนเชื่อว่าควรทำพิธีกรรมนี้ก่อนเด็กอายุครบเดือน เพื่อให้เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ โดยจะนำขนมที่ถือว่าเป็นสิริมงคลไปไหว้พระด้วยคือขนมเต่า ซึ่งมีความหมายว่า ให้มีอายุมั่นขวัญยืนนั่นเอง
สีพื้นของขนมอังกู๊มีแค่สองสีคือ สีแดงใช้ในงานมงคล และสีขาวใช้ในงานอวมงคล แต่ก็อาจดัดแปลงเป็นสีอื่นได้เช่น สีน้ำตาล สีเหลือง สีส้ม สีเขียว ฯลฯ
การทำขนมอังกู๊
นำแป้งข้าวเหนียว นวดกับน้ำ น้ำมันพืช น้ำตาล สีผสมอาหารโดยเฉพาะสีแดง นวดให้เข้ากันและนิ่ม ส่วนผสมไส้ นำถั่วทองที่หุงสุกแล้วไปกวนกับน้ำตาลจนแห้ง แล้วจึงนำมาห่อกับแป้งข้าวเหนียว นำไปกดลงในพิมพ์ แล้วนำไปนึ่ง นอกจากสีแดงแล้วสามารถทำได้อีกหลากสีตามความต้องการของผู้ทำ แต่ถ้าเป็นการทำในการอวมงคลไม่ต้องใส่สีให้เป็นสีขาว
ชนิดของอังกู๊
อังกู๊แป้งข้าวเหนียว
ข้างในเป็นใส่ถั่วเขียวกวน มี 4 ชนิดหลัก
อังกู๊ (紅龜) คือ การปั้นแล้วนำไปกดลงพิมพ์รูปเต่า
อังอี๋ (紅丸) คือ อังกู๊แต่ไม่ต้องกดลงพิมพ์ ปั้นเป็นก้อนกลม อังอี๋ แบ่งเป็นขนมอีกหลายชนิด                     ตาเป๋าอาโก้ย คือ อั๋งอี๋ที่ไม่ใส่สีแดง                       
      ขนมหัวล้าน คือ อังอี๋แต่เป็นอั้งอี๋สีเขียวทำแบบเดียวกับมอจี๋แต่ไม่คลุกแป้ง
อังข่าน คือ อังกู๊แต่นำลงไปกดลงพิมพ์ยาวเป็นรูปเหรียญจีน
อังโถ่ (紅桃) คืออังกู๊แต่นำลงไปกดลงพิมพ์ที่ทำเป็นรูปผลไม้มงคล
อังกู๊แป้งสาลี
ใช้ในพิธีวันเทศกาลพ้อต่อ เพื่อสักการะพระกวนอิมไต่สือ ทำจากแป้งสาลี แล้วนำไปอบในเตาไฟ แล้วออกมาท่าสีแดง ตามขนาดของผู้ที่สั้ง เพราะเชื่อว่าเต่าเป็นสัตว์อายุยืน เวลาทำป่ายปั๋วเสร็จ เจ้าของเต่าจะต้องเลือกว่าจะปล่อย หรือ จะนำกลับ ปล่อยคือบริจาคเต่าตัวนั้นให้ศาลเจ้า เวลาถ้าจะทานให้อร่อยให้นำไปชุบไข่ทอด














ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://yutphuket.wordpress.com/2011/09/13/red-turtle/

เทศกาลพ้อต่อในต่างประเทศ

ตามที่ชุมชนชาวจีนในประเทศต่างๆ ที่มีกลุ่มชาวจีนอยู่ จะมีการจัดพิธีพ้อต่อกันเป็นประจำ
สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน
         ในสิงคโปร์และมาเลเซีย จะมีการจัดพิธีเดือนเจ็ดกันทุกปี มีพิธีคล้าย ๆ กับภูเก็ต แต่มีเกร็ดย่อยพิธีเยอะกว่า โดยแบ่งช่วงเป็นสองช่วงเหมือนกับภูเก็ต คือไหว้ที่ศาลเจ้า หรือ สถานที่จัดงาน เพื่อสักการะพระกวนอิมไต่สือ โดยจะมีผู้ประกอบพิธีจะเป็นเต๋า และมีการไหว้วิญญาณเร่ร่อน พอตกดึกจะจัดให้มีมหรสพต่าง ๆ ในอดีตจะเป็นงิ้ว หรือ หุ่นกระบอก แต่ปัจจุบันนิยมใช้วงดนตรี และ โคโยตี่ เสร็จแล้วจะเผ่ากระดาษเป็นอย่างสุดท้าย
ฮ่องกง
        เนื่องจากที่ฮ่องกง โดยส่วนมากเป็นชาวจีนกวางตุ้ง จึงมีพิธีบางพิธี แตกต่างจาก ภูเก็ต มาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน พิธีพ้อต่อ มีการไหว้วิณณาญเร่ร่อน โดยตอนเช้าประชาชนจะไปที่ศาลเจ้า หรือ วัดเต๋า ที่มีการประกอบพิธี และจะกลับมาไหว้วิญาญานเร่รอนกันเกือบทุกบ้าน ซึ่งชาวฮ่องกงให้ความสำคัญมาก แต่จะไหว้เป็นเครื่องกระดาษ มากกว่าอาหาร ทางด้านพิธีกรรม ตามหมู่บ้านต่าง ๆ จะจัดเด็กชายจำนวนหลายคน ถือโคมไฟและเคาะกระป๋องให้เกิดเสียง เดินไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อเป็นการส่องแสงสว่างแก่วิญญาน จะต่างจากสิงคโปร์และมาเลเซีย คือ เวลากลางคืนที่ฮ่องกงไม่มีการจัดงานมหรสพผู้คนจะไม่ออกจากบ้าน
ประเทศไทย

         จะมีงานเทศกาลคล้าย ๆ เทศกาลพ้อต่อ เช่นกัน นั้นก็คือ เทศกาลทิ้งกระจาด หรือใน สำเนียงแต้จิ๋ว เรียกว่า ซิโกวโผวโต่ว ซึ่งจัดในเดือนจัดเดือนเจ็ดจีน ของทุกปี หรือ เทศกาลสารทจีน มีการไหว้วิญญานเร่ร่อน และ การทิ้งกระจาด เพื่อเป็นการอุทิศกุศลให้แก่วิญญาน และเป็นการทำทานช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่ลักษณะของพิธี และ เทศกาล จะต่างกับที่ ภูเก็ต ประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และไต้หวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/เทศกาลพ้อต่อ

สถานที่จัดงานพ้อต่อในภูเก็ต

โดยปกติแล้วจะจัดกันเกือบทั่วภูเก็ตที่สำคัญๆ ก็มีไม่กี่แห่ง โดยจะเรียงจากสถานที่ที่จัดงานก่อนหลังตามลำดับ
      1. ศาลเจ้าต่องย่องสู ที่กะทู้ จะเริ่มก่อนเพื่อน
      2. ศาลเจ้าชิดเชี่ยว เป็นศาลเจ้าที่สอง ศาลเจ้าจะอยู่ใกล้ๆกัน ห้างแมคโค
      3. ตลาดสดเทศบาล1 หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่าบ้านซ่าน จะจัดงานประมาณ 2 วันปิดถนนเส้นหน้าตลาดสดตอนกลางคืน
      4. ศาลเจ้าเซ่งเต็กเบ่ว หรือ พ้อต่อก๊ง อยู่บริเวณบางเหนียว อยู่ติดกับ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สถานที่นี้จะจัดงานประมาณ 7 วัน 7 คืน ถือว่างานใหญ่มากของที่ศาลเจ้านี้




แนวปฏิบัติของเทศกาลพ้อต่อ

         ในช่วงเทศกาล ผู้คนจะจัดโต๊ะตั้งสำรับอาหารเพื่อเซ่นไหว้ บูชาวิญญาณบรรพบุรุษเอาไว้ โดยทั่วไปแล้วจะทำกันในตอนบ่ายของวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน อาหารเซ่นไหว้โดยมาก มักประกอบไปด้วย ปลา หมู เป็ด ไก่ ผัก ผลไม้ และขนมต่าง ๆ ซึ่งข้าวของที่ตั้งบนโต๊ะบูชาทุกอย่าง จะต้องมีธูปปักไว้อย่างละ 1 เล่ม จนเมื่อทำการเซ่นไหว้เสร็จแล้ว ก็จะทำการเผากระดาษเงิน อันหมายถึงการแจกจ่ายค่าเดินทาง ให้แก่เหล่าดวงวิญญาณบรรพบุรุษเหล่านั้นด้วย โดยมักมีขนมรูปเต่าสีแดง เรียกว่า อั่งกู รวมอยู่ด้วยแทบทุกครั้งของการทำบุญส่วนการทำบุญแก่วิญญาณไร้ญาติ ผู้คนจะนำอาหารมาตั้งไว้ให้แก่วิญญาณเหล่านั้นที่โต๊ะซึ่งคณะกรรมการจัดงานเตรียมไว้ให้
ไหว้วิญญานเร่ร่อน
        มีชื่อเรียกในภาษาฮกเกี้ยนว่า "ป้ายหมึงเข้า"จีน: 拜門口)หรือ "ป่ายโฮ่เฮียตี่" (จีน: 拜好兄弟) ซึ่งโฮ่เฮียตี่ แปลว่า พี่น้องที่ดีใช่เรียกบรรดาดวงวิญญาณไม่มีญาติ หลังจากไหว้ที่ศาลเจ้า หรือ สถานที่จัดงานเสร็จ ตามบ้าน หรือ ตามชุมชน จะนำอาหารกระดาษเงินกระดาษทองจำนวนมากที่จัดเตรียมไว้ มาจัดกองไว้บนโต๊ะหรือที่พื้นหน้าบ้านที่เตรียมไว้ช่วงเวลาไหว้คือตั้งแต่ตอนบ่าย ๆ ได้ถึงเวลา 3 ทุ่ม โดยการไหว้นั้นจะนำเอาปึกกระดาษเงินกระดาษทองวางไว้สี่มุมของโต๊ะ แล้วนำธูป 1 ดอก เทียน 2 เล่ม ปักลงปึกกระดาษทุกปึก และจะมีการจุดเทียน หรือ ตะเกียงหลาย ๆ ดวง อาหารทุกชนิดต้องปักธงที่มีการเขียนอักษรไว้ด้วย พอไหว้เสร็จจะนิยมเผ่ากระดาษกันหลังพระอาทิตย์ตก โดยนำกระดาษมากองรวมกันแล้วจุดไฟเผ่า ห้ามดับไฟจนกว่ากระดาษจะมอดดับไปเอง เนื่องจากการไหว้วิญญานเร่ร่อน ปัจจุบันมีการจัดร่วมในพิธีพ้อต่อตามศาลเจ้า หรือสถานที่จัดงานเพราะสะดวกไม่วุ่นวายแล้วไม่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์มากจึงไม่ค่อยได้พบเห็นการไหว้ผีไม่มีญาติตามบ้านเรือนเหมือนในอดีตนักนอกจากนี้ในช่วงเวลา 1เดือนที่ประตูผีเปิดออก ผู้คนจะรีบกลับมาอยู่ในบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง เคราะห์หามยามร้ายที่อาจเกิดขึ้น หากถูกดวงวิญญาณเหล่านั้น ชง (ทำให้เกิดสิ่งไม่ดี)
แต่ในปัจจุบัน เมื่อวัฒนธรรมหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป เรื่องความเชื่อที่จะอยู่กันภายในบ้านหลังพระอาทิตย์ตก ก็ค่อยๆ เสื่อมคลายลง คงไว้แต่การเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ และการทำทานแก่วิญญาณไร้ญาติ


การประดับด้วยโคมไฟ
        เทศกาลนี้เรียกอีกอย่าว่า เทศกาล ตงหงวน จะมีการประดับโคมไฟต่าง ๆ อย่างสวยงาม ตามท้องถนน บ้านเรือน ศาลเจ้า มีความเชื่อว่าเป้นส่องแสงสว่างให้แก่เหล่าวิญญาน ที่ขึ้นมาจากปรภพให้ได้เห็นแสงสว่าง ยิ่งสว่างเท่าไร ดวงวิญญานก็จะยิ่งมารับส่วนกุลศลได้มากขึ้น จึงทำให้สถานที่จัดงานเต้มไปด้วยสีแสงจากโคมไฟ
โคมแต่ละดวงและเขียนข้อความว่า (ตัวเต็ม: 普度陰光, ตัวย่อ: 普度阴光, พินอิน: Pǔ dù yīn guāng ผูตู้อินกวัง, ฮกเกี้ยน: พ้อต่อเย่งก่อง) (ตัวเต็ม: 慶讃中元, ตัวย่อ: 庆讃中元, พินอิน: Qìng zàn zhōng yuán ชิ่งจั้นจงเหฺยฺวียน, ฮกเกี้ยน: เค่งจั๋นตงหงวน ) (ตัวเต็ม: 超生普度, ตัวย่อ: 超生普度, พินอิน: Chāo shēng pǔ dù ชาวเซิงผูตู้, ฮกเกี้ยน: จ้าวเซ่งพ้อต่อ)
การเซ่นไหว้ด้วยอั่งกูโก้ย

        อั่งกูโก้ย (จีน: 紅龜糕 ตามศัพท์แปลว่า ขนมเต่าแดง) คือขนมที่มีลักษณะเป็นรูปเต่า ทำจากแป้งข้าวสาลี ผสมกับน้ำตาล ก่อนจะถูกปั้น หรืออัดเข้าแบบพิมพ์เป็นรูปเต่า แล้วทาสีแดงทั่วทั้งตัวเต่า อั่งกูมีขนาดหลากหลายทั้งเล็กทั้งใหญ่ ใช้เป็นของเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อว่า เต่า เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานที่กล่าวว่าเต่าเป็นสัตว์ที่ช่วยให้พระถังซำจั๋งสามารถเดินทางไปแสวงบุญที่เกาะลังกาได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าการทำบุญด้วยอั่งกูนี้ จะช่วยให้ผู้ทำบุญมีอายุยืนเหมือนเต่าอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://thiticgi.exteen.com/20100829/entry

ชื่อเรียกต่างๆของเทศกาลพ้อต่อ

        งานเทศกาลพ้อต่อ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ 2 ชื่อ คือ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน เรียกว่า เทศกาลอุลลัมพน (ตัวเต็ม: 盂蘭勝會, ตัวย่อ: 兰胜会, พินอิน: Yú lán shèng huì หฺยฺวีหลันเซิ่งฮุ่ย, ฮกเกี้ยน: อูหลานเซ่งโห่ย ) ซึ่งคำว่า โห่ย หมายถึง ชุมนุม, งานชุมนุม, คณะ ฯลฯ รวมความแล้ว คำว่า อูหลานเซ่งโห่ย แปลว่า งานชุมนุมอุลลัมพน
       ส่วนของลัทธิเต๋าจะเรียกเทศกาลนี้ว่า ตงหง่วนพ้อต่อ (ตัวเต็ม:中元普渡, ตัวย่อ: 中元普渡, พินอิน: Zhōng yuán Pǔ dù จงเหฺยฺวียนผูตู้, ฮกเกี้ยน: ตงหงวนพ้อต่อ)
       ในระยะแรก ชื่อเรียกของเทศกาลดังกล่าวใช้คำเต็มวลีว่า อูหลานผูนเซ่งโห่ย (จีน:盂蘭盆勝會) แปลว่า งานเฉลิมฉลองเทศกาลอุลลัมพน จนมาภายหลังกร่อนเหลือเพียงว่า อูหลานเซ่งโห่ย (จีน:盂蘭勝會) ซึ่งเป็นคำที่ไม่มีความหมาย ชาวเมืองจึงนิยมหันมาเรียกว่า เทศกาลพ้อต่อ ซึ่งคำว่า พ้อต่อ นั้นกร่อนมาจาก พ้อต่อจ่งเซ้ง (จีน:普渡眾生) ตามสำเนียงชาวจีนฮกเกี้ยนอันมีความหมายว่า กิจกรรมโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน
        เทศกาลพ้อต่อ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเซ่นไหว้บูชาวิญญาณบรรพบุรุษแล้วนั้น ยังมีวัตถุประสงค์อีกประการคือการทำบุญอุทิศส่วนบุญให้กับวิญญาณไร้ญาติ จึงได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ซีโกวกุ่ย (จีน:施餓鬼) มีความหมายตามภาษาจีนฮกเกี้ยนแปลว่า เทศกาลอุทิศส่วนบุญให้วิญญาณโดดเดี่ยวไร้ญาติ
ชื่อเรียกอื่น 
ภาษาอังกฤษ
        Hungry Ghosts festiva แปลว่า เทศกาลผีผู้หิวโหย
        Ghosts festival แปลว่า เทศกาลผี
        Yu land festival แปลว่า เทศกาลยูหลัน
        Portor festival แปลว่า เทศกาลพ้อต่อ
ภาษาจีน
    中元節 (ตัวย่อ: 中元, พินอิน: Zhōng yuán jié จงเหฺยฺวียนเจี๋ย, ฮกเกี้ยน: ตงหงวนเจ๊ะ )
    施餓盆 (ตัวย่อ: 饿盆, พินอิน: Shī è pén ซือเอ้อเผิน, ฮกเกี้ยน: ซีโกวผูน )
    中元普渡 (ตัวย่อ: 中元普, พินอิน: Zhōng yuán Pǔ dù จงเหฺยฺวียนผูตู้, ฮกเกี้ยน: ตงหงวนพ้อต่อ )
    盂蘭勝會 (ตัวย่อ: 兰胜会, พินอิน: Yú lán shèng huì หฺยฺวีหลันเซิ่งฮุ่ย, ฮกเกี้ยน: อูหลานเซ่งโห่ย )
    盂蘭盆會 (ตัวย่อ: 兰盆会, พินอิน: Yú lán pèn huì หฺยฺวีหลันเพิ่นฮุ่ย, ฮกเกี้ยน: อูหลานผูนโห่ย )
    鬼節 (ตัวย่อ: , พินอิน: Guǐ jié กุ่ยเจี๋ย, ฮกเกี้ยน: กุ่ยเจ๊ะ )

    逢中元節 (ตัวย่อ: 逢中元, พินอิน: Féng zhōng yuán jié เฝิงจงเหฺยฺวียนเจี๋ย, ฮกเกี้ยน: ฮ่งตงหงวนเจ๊ะ )

ความเชื่อ และที่มาของงาน

ชาวจีนฮกเกี้ยนมีความเชื่อว่า ในเดือนเจ็ด โดยเริ่มตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน ของวันที่สามสิบ เดือนหกนั้น ประตูผีจะเปิดออก เพื่อให้เหล่าดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้กลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ และดวงวิญญาณเหล่านี้ จะท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ซึ่งดวงวิญญาณเหล่านี้ก็จะกลับมาเยี่ยมลูกหลาน ในขณะที่ดวงวิญญาณไร้ญาติก็ออกหากินไปเรื่อย จะมีการจุดหรือเปิดโคมไปไว้หน้าบ้าน ตามศาลเจ้า เพื่อเป็นการส่องทางให้แก่ดวงวิญญานที่ขึ้นมาจากปรภพ
เกี่ยวข้องกับตำนานของพุทธมหายาน
ในพระสูตรมหายาน โยคะตันตระอัคนีชวาลมุขเปรตพลีโยคกรรม หรือพระสูตรว่าด้วยพิธีเทกระจาดมีใจความกล่าวว่า สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้า ทรงประทับ ณ วัดนิโครธาราม ในเมืองกรุงกบิลพัสดุ์ ขณะนั้น พระอานนท์ พุทธอนุชา ทรงปลีกวิเวกไปวิปัสสนาในป่า ขณะที่วิปัสสนาอยู่นั้น มีเปรตตนหนึ่ง สภาพน่าเกลียดร่างกายดำ ผอมแห้ง ในปากมีไฟ ได้กล่าวกับกับพระอานนท์ว่า "หากพระคุณเจ้าไม่กระทำการกุศลอุทิศให้กับเหล่าฝูงเปรต แลคนยากคนจนทั้งหลาย อีก 3 วัน พระคุณเจ้าจะมรณภาพ" พระอานนท์พุทธอนุชาทรงหวาดกลัวอย่างยิ่ง จึงกับไปที่วัดนิโครธาราม แล้วได้ทรงถามพระผู้มีพระภาคถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตอบกลับพระอานนท์ผู้เป็นพุทธอนุชาว่า "อย่าทรงหวาดกลัวไปไยเลย เปรตตนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ที่แท้คือพระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ทรงนิรมาณกายให้พระอานนท์ทรงมาบอกเรื่องนี้" เพราะว่าสมัยก่อนนั้น เรา ตถาคตเคยเป็นศิษย์ของสำนักพระอวโลกิเตศวรซึ่งพระองค์ทรงเคยสอนมหาธารณีมนตร์ ที่ใช้จะโปรดสัตว์ เพื่อโปรดเหล่าเปรต ซึ่งเป็นมหากุศลอันใหญ่ยิ่ง บัดนี้เรา ตถาคต จักแสดงเหล่าธารณีมนตร์ให้แก่เธอเพื่อใช้โปรดสัตว์ ซึ่งในช่วงเดือนเจ็ด เป็นเทศกาลเปิดประตูนรก พิธีนี้จึงเกี่ยวข้องกับพิธีพ้อต่อ ซึ่งพ้อต่อหมายถึง"อนุเคราะห์คนยากจน" ซึ่งคำนี้มาจากพิธีนี้
พ้อต่อก้ง กวนอิมไต่ซู ไต่สือเอี้ย พระผู้คุมวิญญาณในพิธีพ้อต่อเดือนเจ็ด

ไต่สือเอี้ย(大士爺) พ้อต่อก้ง(普渡公) กวนอิมไต่สือ(觀音大士) คือพระผู้คุมวิญญาณภูตผีปีศาจในพิธีเดือนเจ็ด ประวัติก็สืบเนืองจากในพระสูตรมหายาน โยคะตันตระอัคนีชวาลมุขเปรตพลีโยคกรรม ซึ่งไต่สือเอี้ยก็คือเปรตที่พระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) แปลงกายมาให้พระอานนท์เห็น นั้นเอง ในพิธีเลยบูชารูปไต่สือเอี้ยเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเทกระจาด และในความเชื่อคนโบราณกล่าวว่า ไต่สือเอี้ย คือยมบาลเลยต้องมาตั้งบูชาเพื่อไม่ให้เหล่าภูตผีแย่งชิงอาหาร เทวรูปของพระองค์ทำมาจากโครงไม้ไผ่ ติดด้วยกระดาษ ตัวสีน้ำเงิน ใส่ชุดเกราะจีน มีพระอวโลกิเตศวร (พระแม่กวนอิม) อยู่บนยอดศีรษะของ ไต่สือเอี้ย มือซ้ายที่ป้อก่าย เขียนว่า 南無阿彌陀佛 "นำมอออนีถ่อฮุด" แต่บางที่จะเขียนว่า 慶讃中元 "เค่งจั๋นตงหงวน" มือขวาชี้ลงเบื้องล่าง องค์ขนาดสูง20นิ้ว จนถึงสูงเท่าตึก3ชั้น ข้างองค์ไต่สือเอี้ย จะมีเทวรูปของ ยมทูตขาว และยมทูตดำ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/เทศกาลพ้อต่อ

ตำนานประเพณีพ้อต่อ

        ในช่วงสารทจีน พี่น้องชาวภูเก็ตเชื้อสายจีน ต่างก็พากันกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ และบรรดาผีไม่มีญาติ (เชื่อกันว่าเป็นวันที่วิญญาณได้รับการปลดปล่อย ให้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้าน และญาติพี่น้อง) สำหรับวันสารทจีน หรือที่เรียกกันว่าไหว้กับข้าว ที่บางเหนียวและตลาดสด (บ้านซ่าน) ก็จะมีการจัดงานพ้อต่อ ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยจัดเป็นเทศกาล ที่สนุกสนาน น่าเที่ยวอีกเทศกาลหนึ่งของภูเก็ต และจากการค้นคว้าหาข้อมูล ตามหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีในภูเก็ต ก็พอที่จะได้ข้อมูลคร่าวๆ มาให้ได้อ่านกัน ดังนี้
        ประเพณีพ้อต่อเป็นประเพณีที่มีขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน เพื่อบูชา และเซ่นไหว้บรรพบุรุษ รวมถึงบรรดาผีไม่มีญาติ ประเพณีนี้เป็นประเพณีที่เกิดขึ้น และปฏิบัติต่อกันมานานแล้ว จึงไม่อาจระบุแน่ชัดได้ว่าเริ่มขึ้นเมื่อใด หากแต่พอจะทราบว่า เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า ในเดือนเจ็ด เริ่มตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน ของวันที่สามสิบ เดือนหกนั้น ประตูผีจะเปิดออก เหล่าดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับที่อยู่ในเมืองผี จะกลับมาเยี่ยม โลกมนุษย์ และดวงวิญญาณเหล่านี้ จะท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ฉะนั้นในช่วงดังกล่าว เมื่อยามตะวันลับขอบฟ้า ผู้คนก็จะกลับมาอยู่ในบ้าน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง เคราะห์หามยามร้าย ที่อาจเกิดขึ้น หากถูกดวงวิญญาณเหล่านั้น ชง (ทำให้เกิดสิ่งไม่ดี) ได้

        การจัดโต๊ะเพื่อเซ่นไหว้ บูชา บรรพบุรุษนี้ โดยทั่วไปแล้วจะทำกันในตอนบ่ายของวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน ทุกๆครัวเรือนจะจัดเตรียมอาหารเซ่นไหว้ ประกอบด้วย ปลา หมู เป็ด ไก่ ผัก ผลไม้ และขนมต่างๆ ซึ่งข้าวของที่ตั้งบนโต๊ะบูชาทุกอย่าง จะต้องมีธูปปักไว้อย่างละ 1 เล่ม เมื่อเซ่นไหว้แล้ว ก็จะทำการเผากระดาษเงิน อันหมายถึงการแจกจ่ายค่าเดินทาง ให้แก่เหล่าดวงวิญญาณ



         นอกจากนี้ตามความเชื่อตามศาสนาเต๋าของจีน และศาสนาพุทธนิกายมหายาน ต่างถือว่า วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน เป็นวันสารทจีน โดยความเชื่อทางศาสนาเต๋าเชื่อว่า วันนี้เป็นวันประสูติของ "เต่ ก้วน ไต่ เต่" ซึ่งเป็นพระที่คอยควบคุม สอดส่องความประพฤติชั่วดีของมนุษย์ ในวันนี้ชาวจีน ต้องเตรียมข้าวปลาอาหาร มาเซ่นไหว้ เหล่าดวงวิญญาณที่อดอยาก ทางด้านศาสนาพุทธ ก็เชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่เหล่าพุทธศาสนิกชน จะนำถ้วยจานภาชนะต่างๆ ใส่ข้าวปลาอาหาร มาถวายแก่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงปลดความอดอยาก ของวิญญาณผู้ล่วงลับ
      อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในพิธีพ้อต่อนั่นก็คือ เต่าสีแดง(อ่างกู้) ซึ่งจัดเป็นเครื่องบวงสรวง ทำด้วยแป้งข้าวสาลี ผสมกับน้ำตาล ปั้นเป็นตัว หรือเข้าพิมพ์อัดเป็นรูปเต่า ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง ตามใจชอบ แล้วย้อมด้วยสีแดง ซึ่งการบวงสรวงด้วยเต่านั้น มีที่มาจากตำนานที่ว่า เมื่อครั้งพระถังซำจั๋ง ไปอัญเชิญ พระไตรปิฎก ที่เกาะลังกาขณะนั่งเรือสำเภา ได้เกิดมีพายุใหญ่ เรือจวนเจียน จะอับปางลง จึงตั้งจิตอธิฐานก็ปรากฏเต่าตัวมหึมา ว่ายน้ำนำทาง ให้กับเรือสำเภา จนสามารถไปถึงเกาะลังกาได้ อีกความเชื่อก็คือ คนจีนนั้นนิยมว่า เต่าเป็นสัตว์อายุยืน การทำพิธีต่างๆ จึงนิยมนำเต่ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของพิธีด้วย นัยว่าจะทำให้อายุยืนเหมือนเต่านั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://phuketindex.com/travel/photo-stories/s-fes-portor/index-th.htm


ประวัติความเป็นมา

            ผ้อต่อ เป็นประเพณี การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว องค์ผ่อต่อก้ง (กวนอิมไต่สือ) คือภาค (ป้าน) หนึ่งของเจ้าแม่กวนอิมแปลงร่างให้น่ากลัวเหมือนพญามาร เพื่อให้สามารถปราบเหล่าวิญญาณได้เนื่องจากต้องไปโปรดสัตว์ในนรก ซึ่งท่านจะคอยดูแลเหล่าวิญญาณพเนจรทั้งหลายที่ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ และจะคอยตามเหล่าวิญญาณที่ยังไม่ยอมกลับบ้าน เมื่อครบกำหนดเวลาที่ประตูวิญญาณเปิด (30 ค่ำ เดือน 7)
งานผ้อต่อ (ภาษาคนภูเก็ต) หรือ วันสารทจีน ของจังหวัดภูเก็ตเป็นเทศกาลงานบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ เป็นประเพณีที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ตปฏิบัติสืบทอดต่อกันมายาวนาน คำว่า "ผ้อต่อ" เป็นคำในภาษาจีน มีความหมายว่า การอนุเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยการประกอบพิธีบวงสรวง บำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศอานิสงส์ อันเกิดจากการบำเพ็ญนั้นแก่บรรพบุรุษ ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ อันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของลูกหลาน
ซึ่งเป็นประเพณีนิยมที่ได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมานาน จนเรียกได้ว่าเป็นงานประจำปีของชาวภูเก็ตไปแล้วก็ว่าได้ ประเพณีนี้ได้สืบทอดกันมานับเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน โดยยึดถือตามคติความเชื่อประเพณีจีน งานเทศกาลนี้จัดให้มีขึ้น ตั้งแต่วัน ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ตามปฏิทินจันทรคติจีน (ประมาณเดือน ๙ ปฏิทินจันทรคติไทย) ชาวจีนถือว่าเป็นเดือนปล่อยวิญญาณ ประตูวิญญาณจะเปิดออก เพื่อให้เหล่าวิญญาณพเนจรออกมาเที่ยวเล่นเป็นเวลา 1 เดือน ชาวจีนจึงร่วมกันจัดอาหารคาวหวานเซ่นไหว้ เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้วายชน ที่ก่อนเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชนเดียวกัน (โดยไม่จำเป็นต้องแซ่เดียวกัน) เป็นการแสดงถึงความกตัญญูและความสามัคคีกลมเกลียวในชุมชนนั้นๆ คล้ายกับการทำบุญเดือนสิบของประเพณีไทยนั่นเองและในเดือนเจ็ด ชาวจีนจะห้ามมิให้ลูกหลานออกนอกบ้านหลังเวลาพลบค่ำ(เวลา 18.00 น.) เพราะอาจเคราะห์หามยามร้ายได้



งานเทศกาลพ้อต่อมีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เทศกาลอุลลัมพน ตามสำเนียงชาวจีนฮกเกี้ยน แปลความว่า กิจกรรมโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกันเทศกาลพ้อต่อเป็นวันครึ่งปีตามคตินิยมของจีน เป็นวันที่วิญญาณได้รับการปลดปล่อยให้กลับมาเยี่ยมญาติพี่น้อง ชาวจีนจึงจัดพิธีบวงสรวงวิญญาณบรรพบุรุษ ด้วยการตกแต่งแท่นบูชาและเครื่องกงเต็กตามบ้านเรือน การประกอบพิธีผ้อต่อ จะมีการจัดเครื่องบวงสรวง ซึ่งมีทั้งอาหารคาวหวาน ผลไม้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือขนมที่ทำด้วยแป้งข้าวสาลีผสมน้ำตาลสีแดงปั้นเป็นรูปเต่า โดยมีความเชื่อว่า เต่าเป็นพาหนะแห่งสวรรค์ มีอายุยืนยาว สามารถนำผู้คนข้ามแดนทุรกันดาร จนล่วงพ้นจากความทุกข์ยากทั้งปวง
ขนมเต่าสีแดง หรือที่เรียกว่าอั่งกู๊ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของงานนี้เลย ซึ่งประชาชนจะทำมาเซ่นไหว้ ทำด้วยแป้งข้าวสาลี ผสมกับน้ำตาล ปั้นเป็นตัว หรือเข้าพิมพ์อัดเป็นรูปเต่า ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง แล้วย้อมด้วยสีแดง บ้างคนที่มีฐานะทำมาถวายมีขนาดใหญ่มากๆ ถ้าคนทั่วๆไปก็จะทำอันเล็กๆมาถวาย
คนจีนนั้นนิยมว่า เต่าเป็นสัตว์อายุยืน การทำพิธีต่างๆ จึงนิยมนำเต่ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของพิธีด้วย นั่นเอง ซึ่งหลังจากเซ่นไหว้แล้ว ผู้คนก็มักนิยมนำมารับประทาน นัยว่าจะทำให้อายุยืนเหมือนเต่าโดยปกติแล้วงานผ้อต่อ จะจัดกันเกือบทั่วภูเก็ตสถานที่สำคัญๆ ก็มีไม่กี่แห่ง คือ ศาลเจ้าต่องย่องสู ที่กะทู้ จะเริ่มก่อนเพื่อน ศาลเจ้าชิดเชี่ยว เป็นศาลเจ้าที่สอง ศาลเจ้าจะอยู่ใกล้ๆกัน ห้างแมคโค ตลาดสดเทศบาล1 หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่าตลาดดาวน์ทาวน์  จะจัดงานประมาณ 2 วันปิดถนนเส้นหน้าตลาดสดตอนกลางคืน ศาลเจ้าเซ่งเต็กเบ่ว หรือ พ้อต่อก๊ง อยู่บริเวณบางเหนียว อยู่ติดกับ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สถานที่นี้จะจัดงานประมาณ 7 วัน 7 คืน ถือว่างานใหญ่มากของที่ศาลเจ้านี้
ขอบคูณข้อมูลจาก http://www.phuketbulletin.co.th/Culture/view.php?id=549